เอล กลาซิโก้ ของฤดูกาล 2020/21 ในวันเสาร์ที่ บาร์เซโลนา ในชุดน้ำเงินแดงพบ เรอัล มาดริด ในชุดเก่งสีขาวใน คัมป์ นู ที่ไม่มีแฟนบอล
โรนัลด์ คูมัน เซอร์ไพรส์ ด้วยการส่ง เปดรี้ เป็นตัวจริงในหน้าฝั่งขวา ให้ ตรินเกา และ กรีซมันน์ เริ่มต้นที่ม้านั่งสำรอง ในขณะที่ เดสท์ มีโอกาสลงตัวจริงใน กลาซิโก้ ครั้งแรก
GOAL ราชันมาเร็ว ! นาทีที่ 5 เป็นทีมเยือนที่มีโอกาสทำประตูได้ก่อนจากการจ่ายทะลุกองหลังของ เบนเซม่า ให้ บัลเบร์เด้ ยิงโล่งๆ เต็มข้อตุงตาข่าย แสกหน้า เนโต้ ที่ได้แต่ป้องกันด้วยสายตา
GOAL สมเป็น เอล กลาซิโก้ ! นาทีที่ 8 บาร์ซ่า ตีเสมอได้ทันควันเมื่อ ฆอร์ดี้ อัลบา หลุดไปถึงเส้นหลัง ตบย้อนกลับมาให้ อันซู ฟาติ จิ้มผ่านมือ กูร์กตัวส์ 1-1 กล้องจับสีหน้ากุนซือทั้งสองทีม ที่ยิ้มแย้มได้อยู่
นาทีที่ 19 เมสซี่ เลี้ยงหลบกองหลังเข้าไปได้โอกาสยิง แต่น้ำหนักไม่แรงพอ เพราะเสียการทรงตัว จากที่ คาซิมิโร เข้าเสียบด้านหลัง และกรรมการย้อนกลับมาให้ใบเหลืองแรกของเกม
นาทีที่ 23 เมสซี่ เกือบเบิกสกอร์ให้ บาร์ซ่า ขึ้นนำ จากจังหวะที่ ฟาติ กับ คูตินโญ่ ชิ่งกันก่อนยกมาให้เขาหลบ รามอส ก่อนยิง แต่ กูร์กตัวส์ ซุปเปอร์เซฟไว้ได้
กรรมการให้ใบเหลือง นาโช่ ที่ทำฟาวล์ใส่ คูตี้ ในนาทีที่ 36 ก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัวออกจากอาการบาดเจ็บ เป็น ลูคัส บาสเกส ลงมาแทนนาที 42
ครึ่งแรก ทดเวลา 2 นาที ทำสกอร์เพิ่มไม่ได้ จบลงที่เสมอกันที่ 1-1
กลับมาในครึ่งหลัง กุนซือทั้งสองฝ่ายแก้เกมโดยที่ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาทีที่ 51 เมสซี่ จ่ายสวยให้ ฟาติ ยึกยักก่อนยิงเฉี่ยวเสาสองไปนิดเดียว ชนิด เมสซี่ เสียดายที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
เกมเริ่มเป็นของ บาร์ซ่า นาทีที่ 53 น่าจะได้ประตูที่สองอย่างยิ่ง เมื่อ ฟาติ ยกบอลข้ามฝั่งมาให้ คูตินโญ่ โหม่งโล่งๆ เบียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
VAR ทำงาน ! นาทีที่ 59 มีจังหวะปัญหาที่ ลองเล่ต์ ไปดึงเสื้อ รามอส ล้มแหยงๆ ในเขตโทษ กรรมการขอเช็ค VAR ก่อนตัดสินให้เป็นจุดโทษของราชัน รามอส อาสายิงผ่านมือ เนโต้ เสียบฝั่งซ้ายให้ เรอัล มาดริด ออกนำไป 1-2 พร้อมใบเหลืองของ ฆอร์ดี อัลบา
โมดริช เปลี่ยนตัวลงมาแทน บัลเบร์เด้ นาที่ที่ 69 จังหวะขลุกขลิกหน้าประตู รามอส เคลียร์ไม่พ้นไปติดแขนของ วาราน โดยไม่ตั้งใจ กรรมการเช็คกับห้อง VAR แล้วไม่ให้จุดโทษกับ บาร์ซ่า
เกมยังทำอะไรกันได้ไม่มาก และ คูมัน ยังไม่เปลี่ยนตัว นาทีที่ 78 วินิสิอุส เข้าข้างหลัง บุสเกตส์ เป็นฟรีคิกจังหวะลุ้นได้ เมสซี่ แต่ปั่นติดกำแพง
ช้าไปมั้ย ! นาทีที่ 81 คูมันส่ง ตรินเกา เดมเบเล่ และกรีซมันน์ ลงมาช่วงหลังสิบนาทีสุดท้าย แต่เป็น โครส และ รามอส เกือบยิงประตูที่ 3 ให้ราชันได้้แต่ เนโต้ เซฟไว้ได้สองครั้งติด
ก่อนจบเกม นาทีที่ 89 โมดริช หลบ เนโต้ มาย้ำประตูชัยให้ราชันได้ประตูที่สาม ชนิด เมสซี่เซ็งและได้ใบเหลืองแถม
มาดริดครองเกม จนจบเกม เอล กลาซิโก้ บาร์เซโลนา พ่ายให้ เรอัล มาดริด 1-3
บาร์เซโลน่า : เนโต้ – ฆอร์ดี้ อัลบา (เบรธเว็ต 86′), เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, เซอร์จิโน่ เดสท์ – แฟรงกี้ เดอ ยอง, บุสเกตส์ (เดมเบเล่ 81′) – อันซู ฟาติ (กรีซมันน์ 81′), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, เปดรี้ (ตรินเกา 81′) – ลิโอเนล เมสซี่
เรอัล มาดริด : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – นาโช่ (ลูคัส 42′), ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, แฟร์กล็อง เมนดี้ – โทนี่ โครส, คาเซมีโร่, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ (โมดริช 68′) – วินิซิอุส จูเนียร์, คาริม เบนเซม่า, มาร์โก อาเซนซิโอ (โรไดรโก 81′)
Credit : Marca and FC Barcelona fanpage